Browse By

Tag Archives: Football

ชาเบียร์ อลอนโซ่ กระตุ้นลูกทีมเล่นด้วยความมุ่งมั่นเพื่อคว้าชัยชนะเหนือ บียาร์เรอัล

ในค่ำคืนที่อากาศเย็นกำลังดีของเมืองเลเวอร์คูเซ่น เสียงของชาเบียร์ อลอนโซ่ กุนซือหนุ่มผู้มากด้วยประสบการณ์ดังสะท้อนอยู่ในห้องแต่งตัวของทีมห้างขายยา เขากล่าวกับลูกทีมด้วยน้ำเสียงแน่วแน่และสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “นี่ไม่ใช่แค่เกมธรรมดา แต่คือเกมที่เราต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่า เราคือทีมที่ต้องการคว้าชัยชนะทุกครั้งที่ลงสนาม” คำพูดของอลอนโซ่ไม่เพียงปลุกเร้าเหล่านักเตะ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของเขาในฐานะผู้นำทีมที่เปลี่ยนไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ให้กลายเป็นทีมที่น่ากลัวที่สุดทีมหนึ่งในยุโรปเวลานี้ การเผชิญหน้ากับบียาร์เรอัลในเกมถัดไปไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะเป็นทีมจากลาลีกาที่อยู่คนละลีก แต่ในเวทีการแข่งขันระดับยุโรปหรือแม้แต่เกมอุ่นเครื่อง มันคือศึกแห่งศักดิ์ศรีของสองทีมที่มีสไตล์การเล่นชัดเจนและไม่ยอมแพ้กันง่าย ๆ อลอนโซ่รู้ดีว่าบียาร์เรอัลเป็นทีมที่อันตราย โดยเฉพาะในจังหวะสวนกลับและการเล่นบอลจากหลังขึ้นหน้าอย่างมีระบบ แต่ในฐานะโค้ชที่เคยผ่านการเล่นให้กับลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิค เขาเข้าใจดีว่าความมุ่งมั่นคือสิ่งที่ทำให้ทีมเดินหน้าไปข้างหน้าได้ในทุกสถานการณ์ ตลอดระยะเวลาที่อลอนโซ่เข้ามาคุมเลเวอร์คูเซ่น เขาได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลให้กับทีมจากที่เคยเป็นเพียงทีมกลางตาราง กลายเป็นทีมที่มีรูปแบบการเล่นชัดเจนและเต็มไปด้วยพลัง เขานำแนวคิดการเล่นแบบ “คอนโทรลและสร้างสรรค์” มาปรับใช้ ทำให้ทีมสามารถเล่นได้ทั้งรุกและรับอย่างสมดุล เกมของเลเวอร์คูเซ่นภายใต้การคุมทีมของเขาเป็นเกมที่มีจังหวะรวดเร็ว การต่อบอลแม่นยำ และการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันทุกตำแหน่ง นักเตะทุกคนรู้บทบาทตัวเองชัดเจนและเข้าใจระบบที่โค้ชวางไว้ อลอนโซ่ให้ความสำคัญกับ “ความคิดของผู้เล่น” มากกว่าความสามารถทางเทคนิค เขามักพูดอยู่เสมอว่า “เกมฟุตบอลไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย แต่คือเรื่องของสมองและหัวใจ” สำหรับเขา ความมุ่งมั่นไม่ได้หมายถึงการวิ่งให้มากที่สุดในสนาม แต่คือการลงเล่นด้วยจิตวิญญาณแห่งชัยชนะ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไว้อาลัยให้เหตุการณ์โจมตีโบสถ์ยิว

ล่าสุดสองสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเมืองแมนเชสเตอร์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ประกาศร่วมกันว่าจะจัดพิธีไว้อาลัยให้กับเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โจมตีโบสถ์ยิวในต่างประเทศ ซึ่งสร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลก ทั้งสองสโมสรตกลงร่วมมือกันจัดการไว้อาลัยในช่วงก่อนเริ่มเกมพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้ โดยจะมีการยืนสงบนิ่งหนึ่งนาทีเพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น การกระทำครั้งนี้ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของความเคารพต่อผู้สูญเสีย แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของวงการฟุตบอลในการยืนหยัดต่อสู้กับความรุนแรงและความเกลียดชังทุกรูปแบบ เหตุการณ์โจมตีโบสถ์ยิวที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความสลดใจให้กับผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่ยังคงต้องต่อสู้กับปัญหาความไม่อดทนทางศาสนาและเชื้อชาติ แม้จะอยู่ในศตวรรษที่เทคโนโลยีก้าวหน้า แต่ความเกลียดชังยังคงแฝงอยู่ในสังคม และเมื่อความรุนแรงเกิดขึ้นกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มันไม่เพียงเป็นการสูญเสียชีวิต แต่ยังเป็นการทำลายหัวใจของความศรัทธาและความหวังของผู้คนด้วย การที่สองทีมคู่แข่งตลอดกาลอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจร่วมกันแสดงออกถึงความไว้อาลัยจึงมีความหมายที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าการแข่งขันในสนาม โฆษกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกแถลงการณ์ระบุว่า สโมสรมีความเสียใจอย่างลึกซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเหยื่อทุกคน สโมสรฟุตบอลไม่เพียงมีหน้าที่สร้างความสุขให้ผู้คน แต่ยังต้องมีส่วนร่วมในการส่งต่อความเห็นอกเห็นใจและความสามัคคีในยามที่สังคมเผชิญความเศร้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฐานะทีมที่มีแฟนบอลทั่วโลกต้องการแสดงให้เห็นว่า ฟุตบอลคือภาษาสากลที่รวมผู้คนจากทุกศาสนา ทุกเชื้อชาติ และทุกวัฒนธรรมไว้ด้วยกัน ด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ได้ออกแถลงการณ์ในทำนองเดียวกัน โดยระบุว่าสโมสรจะร่วมมือกับยูไนเต็ดในการจัดพิธีไว้อาลัยก่อนเกมอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งเชิญชวนให้แฟนบอลทั้งในสนามและทั่วโลกเข้าร่วมส่งกำลังใจให้กับเหยื่อและครอบครัวของพวกเขา สโมสรยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในช่วงเวลาแห่งความมืดมิด ความสามัคคีและความเมตตาคือสิ่งที่จะทำให้โลกกลับมาสว่างอีกครั้ง” คำกล่าวนี้กลายเป็นข้อความที่ถูกแชร์ต่ออย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ และได้รับคำชื่นชมจากแฟนบอลทั่วโลก

ซาวินโญ่ ได้ต่อสัญญา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงปี 2031

สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ประกาศข่าวดีให้แฟนบอลทั่วโลกได้รับทราบ เมื่อพวกเขาสามารถตกลงต่อสัญญาระยะยาวกับ ซาวินโญ่ ปีกชาวบราซิลมากพรสวรรค์ได้สำเร็จ โดยสัญญาฉบับใหม่จะขยายออกไปจนถึงปี 2031 ซึ่งถือเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นของสโมสรที่มีต่อนักเตะวัยหนุ่มรายนี้ และเป็นการวางรากฐานระยะยาวให้กับอนาคตของทีมภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า การต่อสัญญาครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะซาวินโญ่ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับการจับตามองอย่างมากจากทั้งแฟนบอลและทีมงานของสโมสร หลังจากโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับทรัวส์ในลีกเอิง ก่อนถูกส่งไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับ คิโรนา เอฟซี ทีมในเครือของซิตี้กรุ๊ป ในลาลีกา สเปน ฤดูกาลที่ผ่านมา เขาเป็นหนึ่งในปีกดาวรุ่งที่สร้างความตื่นเต้นมากที่สุดในยุโรป ด้วยสปีดต้นที่รวดเร็ว ความคล่องตัวสูง และทักษะการเลี้ยงบอลที่ยากจะหยุดได้ ในฤดูกาลที่แล้วกับคิโรนา ซาวินโญ่ลงเล่นไปมากกว่า 35 นัด ยิงได้หลายประตูและมีส่วนร่วมกับการทำประตูอีกหลายครั้ง ผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาคือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คิโรนาทำผลงานทะลุความคาดหมาย ขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ของตารางลาลีกาในช่วงยาวนาน เขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมใหญ่ และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่รอช้าที่จะดึงตัวกลับมาร่วมทีมชุดใหญ่ในซัมเมอร์นี้ หลังจากกลับมาที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ซาวินโญ่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทั้งเพื่อนร่วมทีมและสตาฟฟ์โค้ช

บาร์เซโลนา ยืนยันยามาลเจ็บสะโพกพัก2-3สัปดาห์

ข่าวร้ายสำหรับแฟนบอล “เจ้าบุญทุ่ม” เมื่อสโมสร บาร์เซโลนา ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ลามีน ยามาล ปีกดาวรุ่งอนาคตไกลของทีม ได้รับบาดเจ็บที่สะโพกและต้องพักรักษาตัวประมาณ 2–3 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทีมต้องลงเล่นเกมต่อเนื่องทั้งในลาลีกาและศึกยุโรป การบาดเจ็บครั้งนี้สร้างความกังวลให้กับทั้งสโมสรและแฟนบอล เพราะยามาลถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่กำลังอยู่ในฟอร์มยอดเยี่ยมที่สุดของบาร์ซ่าในขณะนี้ ตามรายงานจากทีมแพทย์ของสโมสร การตรวจอย่างละเอียดหลังเกมล่าสุดพบว่า ยามาลมีอาการเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อสะโพกด้านขวา ซึ่งเกิดขึ้นจากการวิ่งสปีดระหว่างเกมลาลีกานัดที่ผ่านมา แม้ในตอนแรกจะดูเหมือนอาการเล็กน้อย แต่เมื่อทีมแพทย์ทำ MRI ตรวจซ้ำ ผลที่ออกมาชี้ชัดว่าเป็นการอักเสบของกล้ามเนื้อระดับกลาง จำเป็นต้องพักฟื้นเพื่อป้องกันการเจ็บซ้ำในอนาคต แพทย์ของสโมสรยืนยันว่าเขาจะต้องพักอย่างน้อยสองสัปดาห์ก่อนประเมินอีกครั้งว่าพร้อมกลับมาซ้อมได้หรือไม่ สำหรับแฟนบอลบาร์เซโลนา ชื่อของยามาลไม่ได้เป็นแค่ดาวรุ่งธรรมดา แต่คือ “ประกายแสงใหม่” ที่ช่วยจุดไฟให้ทีมในยุคที่กำลังสร้างใหม่หลังจากการจากไปของสตาร์รุ่นพี่หลายคน เขาเพิ่งอายุเพียง 17 ปี แต่กลับกลายเป็นกำลังหลักของทีมชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ที่มอบความไว้วางใจให้ลงสนามอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้ ยามาลกลายเป็นความหวังใหม่ในแนวรุกของบาร์ซ่า ด้วยสไตล์การเล่นที่เต็มไปด้วยความเร็ว เทคนิคเฉียบขาด และความมั่นใจเกินวัย อาการบาดเจ็บของเขาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะนัก เพราะบาร์เซโลนากำลังอยู่ในช่วงโปรแกรมหนัก ต้องเจอกับทีมใหญ่หลายทีมติดต่อกันทั้งในประเทศและในยุโรป การขาดยามาลหมายถึงการสูญเสียอาวุธสำคัญในแนวรุกที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ในทุกเกม

มิเกล อาร์เตต้า สามารถไว้ใจ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ ได้เสมอ

ในโลกของฟุตบอลที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความคาดหวังสูง ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าความเชื่อใจระหว่างโค้ชกับนักเตะ คำพูดของ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ที่ออกมากล่าวว่าเขาสามารถ “ไว้ใจ” ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ ได้เสมอ กลายเป็นจุดสนใจของแฟนบอลและสื่อทั่วอังกฤษ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่โค้ชในระดับพรีเมียร์ลีกจะออกมายืนยันความมั่นใจอย่างเปิดเผยในนักเตะวัยเพียง 17 ปี การพูดประโยคนี้ของอาร์เตต้าไม่เพียงเป็นคำชม แต่ยังสะท้อนถึงแนวทางการสร้างทีมของอาร์เซน่อลในยุคใหม่ ที่กำลังเดินหน้าด้วยแนวคิด “เยาวชนคืออนาคต” อย่างแท้จริง ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดในระบบเยาวชนของอาร์เซน่อลในช่วงสองปีที่ผ่านมา เขาเกิดและเติบโตในลอนดอน ผ่านการฝึกซ้อมในอคาเดมีของสโมสรตั้งแต่อายุยังน้อย และมีพัฒนาการที่โดดเด่นจนได้รับการผลักดันให้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี จุดเด่นของลูอิส-สเกลลี่อยู่ที่ความสามารถในการควบคุมบอลภายใต้แรงกดดัน ความนิ่งเกินวัย และความเข้าใจแท็กติกที่เหนือกว่านักเตะรุ่นเดียวกันหลายขุม ในเกมคาราบาว คัพ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา อาร์เตต้าให้โอกาสดาวรุ่งรายนี้ได้ลงสนาม และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ลูอิส-สเกลลี่แสดงให้เห็นถึงความกล้า ความมั่นใจ และความเข้าใจเกมอย่างยอดเยี่ยม การเคลื่อนไหวในสนามของเขาเป็นไปอย่างมีระบบ รู้ว่าควรยืนตรงไหน ควรผ่านเมื่อไร และควรเสี่ยงจังหวะใด ซึ่งเป็นสิ่งที่โค้ชมักจะมองหาในนักเตะที่มีศักยภาพจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในอนาคต อาร์เตต้าออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า

มาร์กอส ยอเรนเต้ ทำผลงานโดดเด่นกับ แอตเลติโก มาดริด

ในฤดูกาลนี้ชื่อของ มาร์กอส ยอเรนเต้ กลับมาโดดเด่นอีกครั้งในสีเสื้อของ แอตเลติโก มาดริด จนกลายเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของทีมที่ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เชื่อใจมากที่สุด จากนักเตะฟุตบอลที่เคยถูกมองว่าอาจไม่สามารถหาตำแหน่งถาวรในทีมได้ กลับกลายเป็นผู้เล่นที่ยกระดับทีมทั้งในแง่ของพลังงาน ความหลากหลาย และประสิทธิภาพในการเล่นเกมรุกกับเกมรับในเวลาเดียวกัน เส้นทางของยอเรนเต้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่การกลับมาของเขาในซีซั่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความอดทน ความมุ่งมั่น และการปรับตัวในแบบที่ไม่ใช่นักเตะทุกคนจะทำได้ ช่วงเวลาที่มาร์กอส ยอเรนเต้ย้ายจากเรอัล มาดริดมาสู่แอตเลติโกในปี 2019 หลายคนต่างตั้งคำถามถึงการตัดสินใจครั้งนั้น เพราะการย้ายจาก “ราชันชุดขาว” มายัง “ตราหมี” ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในโลกฟุตบอลสเปน ยอเรนเต้เป็นเด็กจากตระกูลที่มีสายเลือดมาดริดิสต้าชัดเจน ปู่ของเขาคือ ปาโก้ เกนโต ตำนานผู้คว้าแชมป์ยุโรปกับเรอัล มาดริดมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน เขากลับเลือกเส้นทางที่แตกต่างจากความคาดหวัง และการตัดสินใจนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในอาชีพของเขา ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เห็นในสิ่งที่หลายคนไม่เห็น เขามองว่ายอเรนเต้ไม่ใช่เพียงมิดฟิลด์ตัวรับธรรมดา แต่เป็นนักเตะที่มีศักยภาพจะเล่นได้หลายตำแหน่ง ทั้งมิดฟิลด์กลาง วิงแบ็ก ตัวริมเส้น

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเผชิญงานยาก หวังคว้าตัว เอลเลียต แอนเดอร์สัน

เอลเลียต แอนเดอร์สัน การเสริมทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองในทุกตลาดซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการคว้านักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงที่ถูกมองว่ามีอนาคตไกลในพรีเมียร์ลีก และหนึ่งในเป้าหมายที่ถูกพูดถึงมากในตอนนี้คือ เอลเลียต แอนเดอร์สัน มิดฟิลด์ดาวรุ่งของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แม้จะมีข่าวเชื่อมโยงอย่างต่อเนื่อง แต่การคว้าตัวแอนเดอร์สันกลับไม่ใช่เรื่องง่าย ความซับซ้อนทั้งด้านแท็กติก เศรษฐกิจการซื้อขาย และความภักดีของนักเตะต่อต้นสังกัด ทำให้ดีลนี้เต็มไปด้วยความท้าทายที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะต้องฝ่าฟัน เอลเลียต แอนเดอร์สัน คือใคร? 1. เส้นทางการเติบโต แอนเดอร์สันเป็นนักเตะที่เติบโตขึ้นมาจากอะคาเดมีของนิวคาสเซิ่ล เขาได้รับการจับตามองตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยทักษะการครองบอล ความเร็ว และการตัดสินใจที่เหนือวัย 2. สไตล์การเล่น เขาเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางและกองกลางตัวรุก จุดเด่นคือ 3. ศักยภาพในอนาคต หลายสโมสรเชื่อว่าแอนเดอร์สันมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นมิดฟิลด์แถวหน้าของพรีเมียร์ลีกในอนาคต หากได้รับโอกาสต่อเนื่อง ทำไมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงสนใจ 1. การสร้างทีมใหม่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ โดยต้องการนักเตะที่สดใหม่ มีพลัง และพร้อมพัฒนาในระยะยาว

อิตาเลียโน่ ชี้ทีมยังต้องแก้ไขจังหวะการเล่น

วินเชนโซ่ อิตาเลียโน่ กุนซือคนเก่งของฟิออเรนติน่า เป็นที่รู้จักในฐานะโค้ชที่ละเอียดรอบคอบและใส่ใจกับรายละเอียดแท็กติก เขาไม่เพียงพอใจกับผลการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังมองไปลึกถึงวิธีการเล่นของลูกทีม ล่าสุดเขาออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ทีมยังต้องแก้ไขในเรื่องจังหวะการเล่น” คำพูดนี้ไม่ใช่เพียงการวิจารณ์ แต่คือการสะท้อนมุมมองที่ว่า หากต้องการยกระดับขึ้นไปต่อกรกับทีมฟุตบอลใหญ่ ฟิออเรนติน่าจำเป็นต้องมีความเฉียบคมมากกว่านี้ ความหมายของ “จังหวะการเล่น” ในฟุตบอล 1. การเคลื่อนที่และการประสานงาน จังหวะการเล่นไม่ใช่แค่การส่งบอลเร็วหรือช้า แต่หมายถึงการเคลื่อนที่ที่สอดคล้องกันทั้งทีม การออกบอลที่ถูกเวลา และการประสานงานที่ทำให้คู่แข่งรับมือได้ยาก 2. การเปลี่ยนจากรับเป็นรุก ในยุคฟุตบอลสมัยใหม่ จังหวะการเล่นที่ดีคือการเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกอย่างรวดเร็ว หากช้าเกินไป คู่แข่งก็จะลงมาตั้งรับทัน 3. การแก้เพรสซิ่ง หลายครั้งฟิออเรนติน่าเจอปัญหาเมื่อเจอทีมที่กดดันสูง หากไม่มีจังหวะการเล่นที่แม่นยำ ทีมจะเสียบอลง่ายและถูกโต้กลับ ปัญหาที่ฟิออเรนติน่ากำลังเผชิญ 1. การเสียบอลในพื้นที่อันตราย การเล่นที่ช้าเกินไปทำให้คู่แข่งอ่านทางได้ และบ่อยครั้งฟิออเรนติน่าเสียบอลในแดนกลาง นำไปสู่การเสียประตูง่าย ๆ 2. การจบสกอร์ไม่เด็ดขาด แม้จะสร้างโอกาสได้ แต่จังหวะสุดท้ายกลับขาดความเฉียบคม การส่งบอลช้าเพียงเสี้ยววินาทีก็ทำให้กองหลังคู่แข่งมีเวลาปิดมุม 3.

หากเวสต์แฮมยังคงใช้แกรม พ็อตเตอร์ ต่อไป จะเกิดอะไรขึ้น?

การแต่งตั้ง แกรม พ็อตเตอร์ มาคุมเวสต์แฮม ยูไนเต็ดคือหนึ่งในการตัดสินใจที่ถูกจับตามองมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกช่วงที่ผ่านมา แต่ผลงานของเขาจนถึงตอนนี้กลับไม่อาจสร้างความมั่นใจให้แก่ทั้งบอร์ดบริหารและแฟนบอลได้อย่างเต็มที่ คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ หากเวสต์แฮมยังคงไว้ใจพ็อตเตอร์ต่อไป ฤดูกาลหน้าจะเป็นอย่างไร? มันจะกลายเป็นการพิสูจน์คุณค่าของโค้ชหนุ่มรายนี้ หรือจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทีมถอยหลังไปจากจุดที่สร้างมา? ฉากทัศน์ที่หนึ่ง : ความต่อเนื่องอาจสร้างความมั่นคง 1. เวลาคือสิ่งที่โค้ชต้องการ พ็อตเตอร์ขึ้นชื่อว่าเป็นโค้ชที่เน้นสร้างระบบทีมมากกว่าการพึ่งพาความสามารถเฉพาะตัว หากเวสต์แฮมมอบเวลาให้เขาอย่างแท้จริง อาจเห็นความชัดเจนในสไตล์การเล่นมากขึ้น 2. การพัฒนานักเตะรายบุคคล หนึ่งในจุดเด่นของพ็อตเตอร์คือการพัฒนาศักยภาพนักเตะ หากอยู่ต่อ เขาอาจดันดาวรุ่งหรือผู้เล่นที่ถูกมองข้ามให้กลายเป็นแกนหลักของทีม ฉากทัศน์ที่สอง : ความเสี่ยงเรื่องความไม่สม่ำเสมอ 1. ปัญหาที่คุ้นเคย สิ่งที่พ็อตเตอร์ถูกวิจารณ์มาตลอดคือการไม่สามารถรักษาความสม่ำเสมอของผลงานได้ หากยังคงอยู่ต่อไป ความเสี่ยงเดิมอาจตามมาอีก 2. ความเชื่อมั่นจากแฟนบอล แฟนบอลเวสต์แฮมขึ้นชื่อเรื่องความจงรักภักดี แต่ก็มีความอดทนจำกัด หากทีมยังไม่ก้าวหน้า ความไม่พอใจจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะสะท้อนถึงบรรยากาศในสนามและกดดันนักเตะมากกว่าเดิม มิติด้านแท็กติก : ทีมจะเล่นฟุตบอลแบบไหน 1. การครองบอลคือหัวใจ

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับการชั่งใจเลือกโค้ชใหม่

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับตำแหน่งผู้จัดการทีม หลังการแต่งตั้ง แกรม พ็อตเตอร์ ไม่สามารถสร้างความมั่นใจหรือผลลัพธ์ที่แฟนบอลคาดหวังได้ เสียงวิจารณ์เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ และอนาคตของเขากับ “ขุนค้อน” กำลังถูกตั้งคำถามอย่างจริงจัง ท่ามกลางความกดดันนี้ ชื่อของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ อดีตกุนซือวูล์ฟแฮมป์ตันและน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ถูกยกขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเลือก หากเวสต์แฮมตัดสินใจปลดพ็อตเตอร์ในอนาคต ทำไมแกรม พ็อตเตอร์ถึงสั่นคลอน ความคาดหวังที่สูงเกินไป พ็อตเตอร์ถูกคาดหวังให้เข้ามายกระดับทีมจากสไตล์ที่ทันสมัยและเน้นการครองบอล แต่จนถึงตอนนี้ ทีมยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างสม่ำเสมอ เสียงวิจารณ์จากแฟนบอล แฟนบอลจำนวนไม่น้อยเริ่มไม่พอใจการจัดตัวและการบริหารเกมที่ดูขาดความดุดัน ขณะที่การสื่อสารกับสื่อและแฟนบอลก็ไม่ช่วยบรรเทาความกดดัน ผลงานไม่ต่อเนื่อง สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของพ็อตเตอร์คือการสร้างผลงานที่ขาดความสม่ำเสมอ สไตล์การเล่นที่ยังไม่เข้าที่ พ็อตเตอร์เป็นกุนซือที่ชื่นชอบฟุตบอลแบบครองบอล สร้างเกมจากแดนหลัง และใช้การเคลื่อนที่เพื่อหาพื้นที่ แต่ ความคาดหวังสูงจากการเข้ามาคุมทีม พ็อตเตอร์มีภาพลักษณ์ของ “กุนซืออนาคตไกล” จากผลงานสมัยอยู่ไบรท์ตัน ทำให้เมื่อมารับงานที่เวสต์แฮม การจัดการเกมและการตัดสินใจ หลายครั้งการจัดตัวหรือเปลี่ยนตัวผู้เล่นของพ็อตเตอร์ถูกวิจารณ์ว่าไม่เด็ดขาด แรงกดดันจากแฟนบอล